วันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ไก่ชน

ประวัติไก่ชนไทย

ตำนานและประวัติไก่ชนกับพระนเรศวรการตีไก่ เป็นที่นิยมกันอย่างกว้างขวางในพม่า โดยเฉพาะในราชสำนักถือกันว่า การตีไก่เป็นกีฬาชาววังวันหนึ่งได้มีการตีไก่กันขึ้นระหว่างสมเด็จพระนเรศวรมหาราชกับไก่มังชัยสิงห์ ราชนัดดา(ต่อมาได้รับสถาปนาขึ้นเป็นพระมหาอุปราชาในสมัยพระเจ้านันทบุเรง ราชโอรสพระเจ้าบุเรงนอง กำลังกร่ำศึก) มังชัยสิงห์จึงขัดเคืองตรัสประชดประชันหยามหยันออกมา อย่างผู้ถือดีว่ามีอำนาจเหนือกว่า “ไก่เชลยตัวนี้เก่งจริงหนอ” สมเด็จพระนเรศวรสวรจึงตรัสโต้ตอบเป็นเชิงท้าอยู่ในทีว่า ไก่เชลยตัวนี้ อย่าว่าแต่จะตีกันอย่างกีฬาในวังเหมือนอย่าง วันนี้เลย ตีพนันบ้านเมืองกันก็ยังได้มังชัยสิงห์คัดเคืองมากหากแต่ตระหนักดีว่าสมเด็จพระนเรศวร เป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าบุเรงนองจะพาลวิวาทก็ยำเกรงฝีมือพระนเรศวร ขณะที่ไก่ของสมเด็จพระนเรศวรกับไก่ของพระมหาอุปราชาแห่งกรุงหงสาวดี กำลังชนกันอย่างทรหด ต่างตัวต่างเข้าจิก ตีฟาดแข้ง แทงเดือยอย่างไม่ลดละ อย่างคาดไม่ถึง ขณะที่ไก่ฟาดแข้งกันอย่างอุตลุดพัลวันเมื่อทั้งสองไก่พัวพันกันอยู่พักหนึ่ง ไก่ของพระมหาอุปราชก็มีอันล้มกลิ้งไปต่อหน้าต่อตา ไก่ของพระนเรศวรกระพือปีกอย่าง ทรนงและขันเสียงใส พระมหาอุปราชถึงกับสะอึก สะกดพระทัยไว้ไม่ได้จากตำราเชื่อว่าไก่ที่พระนเรศวรทรงนำไปชนกับพม่านั้น นำไปจากบ้านกร่าง เดิมเรียกว่าบ้านหัวเท ซึ้งอยู่ห่างจากเมืองพิษณุโลก ไปทางทิศตะวันตก ประมาณ 9 กิโลเมตร ขณะที่ชนไก่ พ.ศ. 2121 พระชันษา 23 ปี ลักษณะทั่วไปของไก่ชนพระนเรศวร เป็นพันธุ์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันมากที่สุดคือ พันธุ์เหลืองหางขาว ตามตำรากล่าวว่า ไก่เหลืองหางขาวไก่เจ้าเลี้ยง ในทุกพื้นที่ที่มีการเล่นไก่ชน ไก่เหลืองหางขาวมักจะเป็นตัวเอกทุกๆ สังเวียนอยู่เสมอ หรือแทบจะเรียกได้ว่าไก่พันธุ์นี้อยู่ในความครอบครองของนักเลงไก่อยู่เสมอ ไก่เหลืองหางขาวจัดว่าเป็นไก่ที่มีสกุลและมีลักษณะเด่นมาก จากประวัติฝีมือความสามารถ ทำให้มีการพูดเสมอในวงพนันว่า ไก่เหลืองหางขาวกินเหล้าเชื่อ หมายความว่าเมื่อนำไก่สีนี้ไปตี สามารถที่จะเชื่อมั่นได้ว่า จะต้องเป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอนสามารถสั่งเหล้าเงินเชื่อมากินก่อนได้เลย ไก่เหลืองหางขาวที่มีลักษณะตรงตามตำราหน้าหงอนบาง กลางหงอนสูง สร้อยระย้า หน้านกยูง อกชัน หวั้นชิด หงอนบิด ปากร่อง พัดเจ็ด ปีกสิบเอ็ด เกล็ดยี่สิบสอง ถือเป็นไก่ชั้นเยี่ยม
 วิธีการดูเเล
การเลี้ยงไก่สำหรับชนนั้น มีหลายอย่างหลายชนิดแล้วแต่ครูบาอาจารย์ใดจะสั่งสอนมา แต่ที่จะนำมากล่าวนี้เป็นที่นิยมมากที่สุด ระยะการปล้ำและทำตัวไก่หนุ่ม ไก่หนุ่มที่จะเริ่มเลี้ยงครั้งแรก ต้องลงขมิ้นให้ทั่วทั้งตัวเสียก่อน เพื่อสะดวกในการอาบน้ำ และป้องกันไรได้ดีอีกด้วย
  1. 1.         เริ่มอาบน้ำเวลาเช้าทุกวัน ควรใช้ผ้าประคบหน้าทุกครั้งที่มีการอาบน้ำ ลงกระเบื้อง เนื้อตัวบาง ๆ แล้วลงขมิ้นตามเนื้อบาง ๆ แล้วนำไปผึ่งแดด พอรู้ว่าหอบก็นำไก่เข้าร่ม อย่าให้กินน้ำจนกว่าจะหายหอบจึงจะให้กินน้ำได้ไก่ผอมไม่ควรผึ่งแดดให้มากเพราะจะทำให้ผอมมากไปอีก ถ้าอ้วนเกินไปต้องผึ่งแดดให้มากสักหน่อย เพราะจะทำให้น้ำหนักลดลงได้ ควรคุมน้ำหนักทุกครั้งที่มีการซ้อม และการเลี้ยงทุกวันตอนเช้า
  2. 2.         อาบน้ำประมาณ 7 วัน แล้วจึงเริ่มซ้อมครั้งแรกสัก 2 ยก ๆ ละไม่เกิน 12 นาที ซ้อมสัก 3 ครั้ง ครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 ซ้อมยกละ 15 นาที รวมแล้วให้ได้ 6 ยก ระยะการปล้ำแต่ละครั้งควรจะมีเวลาห่างกันประมาณ 10 -15 วันพอครบกำหนดแล้วต้องถ่ายยาตามที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว
วิธีล่อ
เวลาประมาณบ่าย 2 โมงเย็น เอาน้ำเช็ดตัวไก่ที่เลี้ยงเล็กน้อย แล้วเอาไก่ที่เป็นไก่ล่อ จะเป็นการล่อทางตรงหรือทางอ้อมก็แล้วแต่สะดวก แล้วล่อไก่ให้ย้าย คือเอาไก่ล่อ ๆ วนไปข้างซ้าย 10 รอบ เย้ายวนไปทางขวา 10 รอบ ย้ายจนกว่าไก่ตัวถูกล่อจะไม่ล้มจึงจะใช้ได้ แล้วล่อให้ไก่บินบ้าง ล่อประมาณ 20 - 25 นาทีก็พอ พอเสร็จจากการล่อเอาขนไก่ปั้นคอ พอหายเหนื่อยแล้วอาบน้ำได้ เสร็จแล้วผึ่งแดดให้ขนแห้งแล้วกินอาหารได้
การใช้ขมิ้น
ทุกครั้งเวลาอาบน้ำไก่ในตอนเช้า ต้องใช้กระเบื้องอุ่น ๆ ประคบหน้าพอสมควร ถ้ามากนักจะทำให้หน้าเปื่อย แล้วทาขมิ้นบาง ๆ ทุกครั้ง บางคนใช้ทาเฉพาะหน้าอก ขา ใต้ปีก ตามเนื้อเท่านั้น (ใช้ได้เหมือนกัน)
การปล่อยไก่
ไก่ที่เลี้ยงไว้ชนพอเวลาแดดอ่อนๆควรได้ปล่อยไก่ให้เดินตามสนามหญ้าแพรกนอกจากจะให้ไก่ได้เดินขยายตัวแล้ว ไก่ยังมีโอกาสได้กินหญ้าไปในตัวด้วย วิธีแก้ไขให้น้ำหนักตัวลด เวลาไก่ชนที่เลี้ยงอ้วนเกินไปน้ำหนักตัวจะมากบินไม่ขึ้น ควรผึ่งแดดให้หอบนาน ๆ หากไก่ผอมมากไปไม่ควรให้ถูกแดดมากเกินไป เวลานอนควรให้นอนบนกาบกล้วย หรือเอาน้ำเย็นเช็ดตัวบาง ๆ ก่อนนอน การนอนควรนอนในมุ้งทุกคืนเพื่อมิให้ยุงไปรบกวน ไก่จะได้นอนหลับสบาย การเลี้ยงไก่ถ่าย การเลี้ยงไก่ถ่าย หรือไก่ที่เปลี่ยนขนตั้งแต่หนึ่งครั้งขึ้นไป วิธีเลี้ยงเช่นเดียวกับไก่หนุ่ม ผิดกันตรงที่ไก่ถ่ายต้องปล้ำให้ได้ที่ คือปล้ำครั้งละ2 ยก ยกละ 15 นาที จำนวน 5 ครั้ง รวม 10 ยก หรือปล้ำจนกว่าจะบินไม่ล้ม แล้วผึ่งแดดให้นานกว่าไก่หนุ่มหน่อย นอกนั้นเหมือนกันหมด
ยาถ่ายไก่
ยาถ่ายโบราณคนนิยมใช้กันมากมีส่วนผสมดังนี้
  1. 1.         เกลือประมาณ 1 ช้อนคาว
  2. 2.         มะขามเปียก 1 หยิบมือ
  3. 3.         ไพลประมาณ 5 แว่น
  4. 4.         บอระเพ็ดยาวประมาณ 2 นิ้ว หั่นเป็นแว่นบาง ๆ
  5. 5.         น้ำตาลปีบประมาณ 1 ช้อนคาว
  6. 6.         ใบจากเผาไฟเอาถ่าน (ใช้ใบจากประมาณ 1 กำวงแหวน) ใช้ครกตำให้ละเอียดเข้า ด้วยกัน เวลาใช้ยาควรให้ไก่กินเวลาเช้าท้องว่าง
ปั้นเป็นลูกกลอนขนาดหัวแม่มือ 2 เม็ด ให้น้ำกินมาก ๆ หน่อย แล้วครอบผึ่งแดดไว้รอจนกว่ายาจะออกฤทธิ์ ถ่ายเป็นน้ำ 3 ครั้ง ก็พอแล้วเอาข้าวให้กินเพื่อให้ยาหยุดเดิน
น้ำสำหรับอาบไก่
ปกติไก่เลี้ยงจะต้องอาบน้ำยาจนกว่าไก่จะชน เครื่องยาที่ใส่น้ำต้มมีดังนี้
  1. 1.         ไพลประมาณ 5 แว่น
  2. 2.         ใบส้มป่อยประมาณ 1 กำมือ
  3. 3.         ใบตะไคร้ ต้นตะไคร้ 3 ต้น
  4. 4.         ใบมะกรูด 5 ใบ
  5. 5.         ใบมะนาว 5 ใบ
เอา 5 อย่างมารวมกันใส่หม้อต้มให้เดือดแล้วทิ้งไว้ให้อุ่น พออุ่น ๆ แล้วค่อยอาบน้ำไก่ แล้ว นำไปผึ่งแดดให้ขนแห้ง
ยาบำรุงกำลังไก่
ยาบำรุงที่นิยมกันมากมีหลายขนาน แต่จะยกมาขนานเดียว คือ
  1. 1.         ปลาช่อนใหญ่ย่างไฟ แล้วนำไปตากแดดให้แห้ง 1 ตัว
  2. 2.         กระชายหัวแก่ ๆ ประมาณ 2 ขีด (แห้ง)
  3. 3.         กระเทียมแห้ง 1 ขีด
  4. 4.         พริกไทย 20 เม็ด
  5. 5.         บอระเพ็ดแห้ง 1 ขีด
  6. 6.         นกกระจอก 7 ตัว
  7. 7.         หัวแห้วหมู 1 ขีด
  8. 8.         ยาดำพอประมาณ
นกกระจอกนำไปย่างไฟแล้วนำไปตากแดดให้แห้ง แล้วนำไปตำให้ป่น ปลาช่อนก็ตำให้ป่น แล้วนำทั้ง 8 อย่างมาผสมน้ำผึ้งปั้นเป็นลูกกลอนเท่าเม็ดพุทราให้กินวันละ1 เม็ดก่อนนอนทุกวันจนกว่าไก่จะชน ยาบางตำราไม่เหมือนกันแต่ได้ผลดีทั้งนั้น แต่ไปแพ้กันตรงที่ไก่เก่งไม่เก่งเท่านั้น ไก่ที่นำไปชนทุกครั้งถ้าไม่ได้ชน กลับมาจะต้องฉะหน้าถอนแข้งทุกครั้ง ๆ ละ 5 นาที 1 ครั้ง ก่อนจะนำไปชนต่ออีก
วิธีให้น้ำไก่ขณะกำลังชน

การใช้น้ำไก่เป็นสิ่งจำเป็นในการชนไก่เป็นอย่างยิ่ง เพราะถ้าท่านให้น้ำไก่ไม่เป็น เอาไก่ไปชนโอกาสแพ้มีมาก มือน้ำเท่านั้นเป็นผู้ชี้ชะตาไก่ของท่าน เพราะฉะนั้นท่านต้องเป็นคนให้น้ำไก่เก่งๆ จึงจะสู้เขาได้ วิธีให้น้ำไก่ก่อนชน ท่านต้องใช้ผ้ามุ้งบาง ๆ ชุบน้ำเช็ดตัวให้ทั่วตัวทุกเส้นขน แต่อย่างให้ปีกเปียก (เพราะปีกเป็นอุปกรณ์สำคัญในการต่อสู้) แล้วเช็ดให้แห้ง ให้กินข้าวสุก จนอิ่มแล้วปล่อยให้เดินเพื่อจะได้ขยายตัว และแต่งตัวเรียบร้อยแล้วนำไก่เข้าชน พอหมดยกที่ 1 เอาผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าอก และใต้ปีกเสียก่อนจึงค่อยเช็ดตามตัวให้ทั่ว แล้วตรวจบาดแผลตามหัว ตามตัวว่ามีผิดปกติหรือเปล่า ตรวจดูตา ตรวจดูปากให้เรียบร้อย ถ้าปากฮ้อ ก็เตรียมผูก ถ้าตาหรี่ก็ควรเสนียดตา หรือถ่างตา เสร็จเรียบร้อยแล้วให้กินข้าวสุกที่บดไว้ ประมาณ 3 - 4 ก้อน แตงกวาแช่น้ำมะพร้าวอ่อน พอให้อิ่มแล้วเอาไก่นอน ๆ ประมาณ 5 นาที หลังจากนอนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เอากระเบื้องอุ่นมาเช็ดตามตัว ตามหน้าแข้ง ขาให้ทั่วบริเวณที่ถูกตี แล้วปล่อยให้เดิน และให้ไก่ถ่ายออกมาเพื่อจะได้ให้ตัวเบา (ยกต่อไปก็ทำเหมือนยกที่ 1 จนกว่าจะแพ้ ชนะกัน)
วิธีรักษาพยาบาลหลังจากไก่ชนแล้ว
ตามปกติไก่ที่ชนมาแล้วจะมีบาดแผลมากน้อยแล้วแต่กำหนดเวลาการต่อสู้ บางตัวก็ชนะเร็ว บางตัวก็ชนะช้าบาดแผลก็มีมาก เวลาชนเสร็จแล้วควรใช้เพนนิซิลิน อย่างเป็นหลอดทาตามหน้าให้ทั่ว เพื่อไม่ให้หน้าตึง อย่าใช้ขมิ้นเป็นอันขาด ถ้าบาดแผลมากจริงควรใช้ยาพวกสเตปโตมัยซิน หรือฉีดยาเทอรามัยซิน หรือจะให้กินยาเต็ดตร้าไซคลินก็ได้ วันละ 1 เม็ด ตอนเย็น ประการสำคัญ อย่าให้ทับตัวเมียเป็นอันขาด หลังจาก 1 เดือนไปแล้วให้ทับได้

. ลูกตาลเชื่อม จาวตาลเชื่อม

          จาวตาลเชื่อม บางคนเรียกว่า ลูกตาลเชื่อม ขนมไทยโบราณหากินยาก ราคาก็แพงใช่เล่น แต่ถ้าได้ทำเองจะคุ้มสุด ๆ ขอแนะนำจาวตาลเชื่อม สูตรจาก รายการครัวคุณต๋อยสูตรโบราณ ปลอดสารพิษ ไม่ใช้สารเคมีในการล้าง เนื้อจาวตาลจะแน่นหอมหวาน อร่อยจริง ๆ นะขอบอก

ส่วนผสม ลูกตาลเชื่อม จาวตาลเชื่อม

          • จาวตาล 7 กิโลกรัม
          • ฟางข้าว (สำหรับผสมน้ำเปล่าล้างจาวตาล)
          • สารส้ม (สำหรับผสมน้ำเปล่าล้างจาวตาล)
          • น้ำสะอาด (สำหรับล้างจาวตาล)
          • น้ำตาลทราย 4 กิโลกรัม
          • น้ำเปล่า (สำหรับต้มจาวตาล)

วิธีทำลูกตาลเชื่อม

          • 1. เอาเปลือกจาวตาลออก เอารากออก เสร็จแล้วนำมาล้างกับฟางข้าวผสมน้ำเปล่า 1 ครั้ง เพื่อเอาเมือกออก และล้างกับสารส้มผสมน้ำเปล่า 1 ครั้ง สุดท้ายล้างด้วยน้ำสะอาดอีก 3 ครั้ง 
          • 2. ต้มน้ำเปล่าให้เดือด ใส่จาวตาลลงไปลวกประมาณ 10-15 นาที หรือจนจาวตาลสุก ตักออกมาพักไว้สักครู่
          • 3. แบ่งน้ำตาลทรายประมาณ 2 กิโลกรัมใส่ลงไปบนจาวตาล ใส่น้ำเปล่าพอท่วม ปิดฝา ตั้งไฟรอจนเดือดประมาณ 15 นาที เปิดฝา เอาน้ำสะอาดพรมหน้าจาวตาล ใส่น้ำตาลทรายที่เหลืออีก 2 กิโลกรัม ปิดฝา ตั้งไฟรอจนเดือดประมาณ 20 นาที ตักขึ้นมาใส่ภาชนะเพื่อกลับด้านบนลงล่างให้จาวตาลดูดซึมน้ำเชื่อมให้เท่ากัน
          • 4. ตั้งน้ำเชื่อมรอจนเดือด ช้อนฟองออก ใส่จาวตาลลงไปต้มต่ออีกประมาณ 20 นาที ตักใส่ภาชนะ พร้อมเสิร์ฟ

          ขนมเชื่อม 6 สูตรน่ากินทั้งนั้นเลยค่ะ มีทั้งสูตรมันเชื่อม ทุเรียนเชื่อม ฟักทองเชื่อม กล้วยเชื่อม และจาวตาลเชื่อม แถมเก็บไว้ได้นานอีกด้วย นี่ถ้ากินอาหารรสเผ็ดมาก็คว้าขนมไทยเชื่อมมากินสบายอุรา หรือถ้าซื้อพวกกล้วย หรือทุเรียนมาเยอะแล้วคาดว่ากินไม่หมดชัวร์ ๆ ก็จัดการนำมาเชื่อมได้เลยค่ะ จะได้ไม่เสียของเนอะ 

กล้วยเชื่อม


          เย้ย ! คุณสามีซื้อกล้วยไข่มาหลายหวีแบบนี้กินเป็นอาทิตย์ก็ไม่หมด ถ้าอย่างนั้นเอามาทำกล้วยไข่เชื่อมสูตรจากครัวบ้านพิม สูตรขนมเชื่อมนี้ใช้กล้วยไข่ห่าม เนื้อจะไม่นิ่มมาก แต่ก็หวานฉ่ำ สำหรับคนที่ชอบกินแบบนิ่ม ๆ ให้ใช้กล้วยไข่สุกเหลืองค่ะ 

ส่วนผสม กล้วยไข่เชื่อม

          • กล้วยไข่ห่าม ๆ 2 หวี
          • น้ำตาลทรายขาว 450 กรัม
          • น้ำสะอาด 400 กรัม

ส่วนผสม กะทิสำหรับราด


          • หัวกะทิ 2 ถ้วย
          • เกลือป่น (หยิบมือ)
          • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ช้อนโต๊ะ + 1/2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำกล้วยไข่เชื่อม


          • 1. ปอกเปลือกกล้วยไข่ออก ดึงเส้นดำออกให้หมด ตัดหัว-ท้ายเล็กน้อยเพื่อความสวยงาม แช่ไว้ในน้ำผสมเกลือนิดหน่อย เพื่อไม่ให้กล้วยเปลี่ยนเป็นสีคล้ำ ๆ (แต่ถ้าหากปอกแล้วเชื่อมเลย ก็ไม่ต้องแช่)

          • 2. ผสมน้ำกับน้ำตาลทรายเข้าด้วยกันแล้วนำไปตั้งไฟ คนให้ละลาย (จะได้เป็นน้ำเชื่อม) แล้วนำมาลงกรองด้วยผ้าขาวบางหรือกระชอนตาถี่ ๆ ครั้งหนึ่ง 

          • 3. จากนั้นก็เทใส่กลับคืนหม้อ แล้วนำไปตั้งไฟเคี่ยวต่อเรื่อย ๆ (แรก ๆ ตอนน้ำเชื่อมยังใสอยู่ เราจะเห็นว่าฟองตอนเดือดเขาจะเป็นฟองค่อนข้างใหญ่ แต่เมื่อยิ่งน้ำเชื่อมข้นมากขึ้นเท่าไหร่ ฟองก็จะยิ่งเล็กลงค่ะ) เคี่ยวจนน้ำเชื่อมให้ลดลงไปประมาณ 1/4 ก็จะได้น้ำเชื่อมที่มีความเหนียวได้ที่ 

          • 4. นำกล้วยไข่ลงไปเชื่อม ใช้ไฟกลาง ๆ ค่อนมาทางอ่อน (เพื่อค่อย ๆ ให้น้ำเชื่อมซึมเข้าไปในเนื้อกล้วย พร้อมกับความร้อนจากน้ำเชื่อมที่จะทำให้กล้วยค่อย ๆ ระอุ และก็สุกในที่สุดพร้อม ๆ กับซึมซับน้ำเชื่อมได้เต็มที่)

          • 5. ตักใส่จาน ราดกะทิ พร้อมเสิร์ฟ
 
วิธีทำกะทิสำหรับราดหน้า

          วิธีที่ 1: สำหรับหัวกะทิที่คั้นโดยไม่ใช้น้ำ ให้เอาหัวกะทิผสมเกลือป่นเล็กน้อยแล้วนำไปตั้งไฟอ่อนคนไปเรื่อย ๆ จนกะทิข้นขึ้น 

          วิธีที่ 2: สำหรับหัวกะทิที่คั้นแบบใส่น้ำ หรือกะทิกล่อง ให้เอาหัวกะทิ 2 ถ้วย ผสมกับแป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ช้อนโต๊ะ + 1/2 ช้อนโต๊ะ และเกลือป่นหยิบมือ (ใส่พอให้มีรสเค็มปะแล่ม ๆ) คน ๆ ให้แป้งละลายเข้ากับหัวกะทิก่อน แล้วค่อยนำไปตั้งไฟกลาง ๆ ระหว่างตั้งไฟก็ใช้ตะกร้อมือคนเรื่อย ๆ จนกระทั่งแป้งสุกและกะทิข้น พอกะทิสุกข้นแล้วก็ยกลงจากเตา ตั้งพักไว้ให้เย็น

ฟักทองเชื่อม

. ฟักทองเชื่อม

          เพื่อน ๆ คงคุ้นเคยกับฟักทองแกงบวดใช่ไหมคะ ลองเปลี่ยนแนวมาทำเมนูฟักทองเชื่อมกันดีกว่า ส่วนผสมหลัก ๆ มีแค่ฟักทองกับน้ำตาลทราย เพิ่มกลิ่นหอมจากใบเตย ใครยังไม่เคยกินลองทำดูค่ะ รับรองว่าติดใจแน่นอน

ส่วนผสม ฟักทองเชื่อม

          • ฟักทอง 1/2 ลูก (เลือกที่เนื้อแน่นจะทำให้ฟักทองเชื่อมมีเนื้อเหนียว)
          • น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
          • น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง
          • ใบเตย 5 ใบ

วิธีทำฟักทองเชื่อม

          • 1. หั่นฟักทองออกเป็นชิ้นหนา ๆ ใช้มีดคว้านไส้ออกให้สวยงาม (ถ้ามีน้ำปูนใสให้นำฟักทองไปแช่ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที จากนั้นนำมาล้างน้ำให้สะอาดแล้วสะเด็ดน้ำเตรียมไว้)
          • 2. ใส่น้ำตาลทรายลงในหม้อเชื่อม ตามด้วยน้ำเปล่า และใบเตย นำขึ้นตั้งไฟอ่อนคนให้น้ำตาลทรายละลายหมด
          • 3. ใส่ฟักทองลงไปในหม้อแล้วเร่งเป็นไฟแรงสุด จากนั้นรอจนเดือดแล้วลดเป็นไฟอ่อน (ใช้ความร้อนแค่พอเดือดปุด ๆ) เชื่อมฟักทองไปเรื่อย ๆ (ไม่ต้องคนเพราะจะทำให้น้ำตาลเกาะกันเป็นก้อน) ประมาณ 1 ชั่วโมง และหมั่นตักน้ำเชื่อมในหม้อราดลงบนชิ้นฟักทองที่ไม่โดนน้ำเชื่อมด้วย เชื่อมจนฟักทองสุกและใส ปิดไฟ พักไว้จนเย็น ตักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ

ทุเรียนเชื่อมนะจ๊ะ

. ทุเรียนเชื่อม

          หน้าทุเรียนทีไรต้องซื้อมาตุนไว้ บ่อยครั้งที่กินไม่หมดก็ทิ้ง แอบรู้สึกเสียดายเลยอยากทำขนมเชื่อมเก็บไว้กินนาน ๆ สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยากทำทุเรียนเชื่อม ขอยกตัวอย่างสูตรจาก คุณน้องอิง_มนุษย์เหงือก สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม สูตรนี้กลิ่นทุเรียนไม่แรง เนื้อเหนียวแน่นหนึบหนับ เก็บไว้กินได้หลายวันทั้งในอุณหภูมิห้องและในตู้เย็นอีกด้วย

ส่วนผสม ทุเรียนเชื่อม

          • ทุเรียนหมอนทองไม่สุก
          • น้ำปูนใส
          • น้ำเปล่า
          • น้ำสะอาด 4 ถ้วยตวง
          • น้ำตาลทราย 500 กรัม

วิธีทำทุเรียนเชื่อม

          • 1. เอาเมล็ดทุเรียนออก แช่น้ำปูนใสทิ้งไว้ 30 นาที รอครบกำหนดเอาขึ้นมาล้างน้ำเปล่าและวางไว้ให้สะเด็ดน้ำบนกระชอน 
          • 2. ตั้งหม้อใส่น้ำสะอาดและน้ำตาลทรายลงไปต้มใช้ไฟแรง ต้มประมาณ 15 นาที 
          • 3. ใส่เนื้อทุเรียนลงไป รอจนทุเรียนสุก ตักใส่ภาชนะ วางพักทิ้งไว้ให้เย็น พร้อมเสิร์ฟ

มันสำปะหลังงทอดดนะคะ

. มันสำปะหลังเชื่อม

          ขนมเชื่อมเมนูแรกที่คุ้นเคยคือ มันสำปะหลังเชื่อม วิธีทำแสนง่าย จับมันสำปะหลังหั่นชิ้นให้เรียบร้อยแล้วนำไปเคี่ยวกับน้ำตาลจนขึ้นเงา ปิดท้ายด้วยการราดกะทิก่อนเสิร์ฟ ถ้ากินไม่หมดก็แช่เย็น หรือเก็บไว้ในภาชนะปิดมิดชิดวางไว้ที่อุณหภูมิห้องก็ได้ค่ะ ถ้ารู้สึกว่าอยากกินของหวานเมื่อไรก็แวะมาเปิดกินวันละชิ้น แป๊บเดียวก็หมด

ส่วนผสม มันสำปะหลังเชื่อม

          • มันสำปะหลัง 1 หัว
          • น้ำตาลทราย 2 ถ้วย
          • น้ำลอยดอกมะลิ 5 ถ้วย (หรือน้ำผสมกลิ่นมะลิ)

ส่วนผสม กะทิสำหรับราด


          • หัวกะทิ 1 ถ้วย
          • แป้งข้าวโพด 1/2 ช้อนโต๊ะ
          • เกลือป่น 1/4 ช้อนชา

วิธีทำมันสำปะหลังเชื่อม


          • 1. หั่นมันสำปะหลังเป็นท่อนสั้น ๆ ปอกเปลือกแล้วล้างให้สะอาด เตรียมไว้
          • 2. ใส่น้ำตาลทรายลงในกระทะเทฟลอน (หรือกระทะทองเหลืองถ้ามี) ตามด้วยน้ำลอยดอกมะลิ ใช้ไฟกลางเคี่ยวจนน้ำตาลทรายละลายหมด
          • 3. เมื่อน้ำเชื่อมเดือดแล้วใส่มันสำปะหลังลงไปต้มจนมันเริ่มสุกบางส่วนแล้วลดเป็นไฟอ่อน จากนั้นเชื่อมมันไปเรื่อย ๆ ประมาณ 1-2 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับขนาดของมันสำปะหลังที่เราหั่น) จนน้ำเชื่อมซึมเข้าไปในเนื้อมัน และเนื้อมันมีลักษณะใส ปิดไฟ พักไว้
          • 4. ทำกะทิสำหรับราดโดยละลายแป้งข้าวโพดกับหัวกะทิเล็กน้อย ใส่เกลือป่นลงไปคนให้แป้งละลายหมดแล้วนำขึ้นตั้งไฟอ่อนคนไปเรื่อย ๆ จนส่วนผสมข้นและเหนียว ปิดเตา พักไว้จนเย็น
          • 5. ตักมันสำปะหลังเชื่อมใส่ถ้วย ราดด้วยกะทิ พร้อมเสิร์ฟ
ขึ้นชื่อว่าเป็นคนไทยนั้นไซร้จะไม่รู้จักเมนูขนมหวานแสนอร่อยอย่างกล้วยบวชชี ที่เป็นอีกหนึ่งขนมหวานพื้นบ้านของคนไทยยอดนิยม เชื่อเถอะว่าร้านขนมไทยเกือบจะทุกร้านจะต้องมีเมนูนี้วางขายอยู่ด้วย เพราะสามารถทำได้ง่าย และอร่อยมากนั่นเองค่ะ วันนี้กระปุกคุกกิ้งจึงไม่พลาดที่จะนำสูตรกล้วยบวชชีหวานหอมมาฝาก


 สิ่งที่ต้องเตรียม

          กล้วยน้ำว้าห่าม 8 ลูก

          หางกะทิ 500 มิลลิลิตร

          ใบเตย 2 ใบ

          น้ำตาลปี๊บ 4 ช้อนโต๊ะ

          น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ

          เกลือปริมาณเล็กน้อย

          หัวกะทิ 400 มิลลิลิตร


 วิธีทำ


          1. ต้มกล้วยน้ำในน้ำเดือด นานประมาณ 3-5 นาที จนผิวกล้วยเริ่มแตกออก ตักขึ้น ปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ

          2. ต้มหางกะทิกับใบเตยจนเดือด ใส่กล้วยตามด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย และเกลือ ต้มจนเดือดอีกครั้ง ใส่หัวกะทิลงไป ต้มจนเดือดประมาณ 3 นาที ตักใส่ถ้วย พร้อมรับประทาน

กระเพราจ๋าา

วิธีทำผัดกะเพราให้อร่อยครับ หลายสูตร มาก ครับ ..


กระเพราหมูน่ากินมั๊ยคะ .... ง่ายมากๆค่ะ คือว่าเป็นคนที่ชอบกินผัดกระเพราหมูมากๆค่ะ ตอนนั้นทำเอง ก็เลยขอถ่ายรูปไว้ซักหน่อย มันอร่อยด้วยนะ

เตรียม กระเทียม+พริกสด โขลกหยาบๆ พักไว้ เด็ดใบกระเพรา พักไว้ หมูสับ ประมาณ 30 บาท(จานนี้) แล้วก็ซอสภูเขาทอง,ซอสหอยนางรม,ซีอิ๊วดำนิดหน่อย, น้ำตาล
1.ตั้งน้ำมันให้ร้อนๆ ใส่พพริก+กระเทียมลงไป ผัดๆให้เหลืองๆ
2.ใส่หมูลงไป ผัดๆนิดหน่อย แล้วก็ใส่ซอสภูเขา 2 ชต.+ซอสหอยฯ 3 ชต.+น้ำตาล 1/2 ชต. + ซีอิ๊วดำนิดหน่อยเพิ่มสีสัน (ไม่ได้ตวงหรอกค่ะ กะๆๆเอา) ผัดๆให้สุกดี แล้วชิมดูนะคะ ใส่ใบกระเพราะ คลุกๆพอผักสลดก็พอ


บอกให้ทราบก่อนนะครับว่าผัดกระเพราไม่ใส่เครื่องดังต่อไปนี้
1.ถั่วฝักยาว.........
2.ซอสปรุงรสพวกฝาเขียว ฝาส้ม ฝาเหลือง ทั้งหลาย
3.น้ำมันหอย
4.ใบกระเพราที่ใช้ต้องใบเล็กเท่านั้น

ส่วนการผัดพื้น ๆ ครับ

1.ตั้งน้ำมัน
2.ใส่พริกตำกับกระเทียม
3.ใส่เนื้อสัตว์
4.ใส่น้ำล้างครก(ที่มีพริกตำติดอยู่)
5.ปรุงรส
6.ใส่ใบกระเพรา

กระเพราที่ดีต้องค่อนข้างแห้ง


สูตรใครก็สูตรใครนิ เราขอมาแฉของเรามั่ง อิอิ
1. ตำพริกชี้ฟ้า+กระเทียม
2. นำพริกกระเทียมที่ตำแล้วลงผัดในกะทะ จนกระเทียมเริ่มเหลือง นำเนื้อสัตว์ (หมู,ไก่ หรือกุ้ง) ลงไปผัด ผัด จนสุก ใส่น้ำซุป (น้ำเปล่าก็ได้) นิดนึง
3. น้ำตาลประมาณ 1 หรือ 1/2 ช้อนชา ถ้าไม่ชอบหวาน ซ๊อสปรุงรส (เด๋วนี้ใช้ซ้อสผัดของทาคุมิสะดวกดีมีสามรสในขวดเดียว)
4. ชิมรสตามชอบ เค็มๆ หวานๆนิดๆ หอมๆ
5. ใส่ใบกระเพราผัดๆ ไปจนใบกระเพราะสุก
6. เอาน้ำมันหอยมาโรย โรย ผัดๆ ต่อ ปิดไฟ
7. ตักใส่ภาชนะ ...... ทานได้แล้วค่ะ
แฮ่ะๆ เสร็จแร้วค่ะ


สูตรครัวตัวดีค่ะ

1.โขลกกระเทียม  พักไว้
2.โขลกพริก พักแยกไว้ (ไม่โขลกรวมกัน ไม่ชอบส่วนตัวค่ะ
สาเหตุเพราะถ้าผัดพริกกะกระเทียมตั้งแต่ต้น มันแสบทรมานจมูกมั่กค่ะ T_T)
3.เด็ดใบกะเพรา พักไว้
4.น้ำมันหอย 1 ส่วน+ น้ำปลา 1 ส่วน + น้ำเปล่า 1 ส่วน + น้ำตาล 1/2 ส่วน คนรวมกัน ชิมรสตามชอบ
5.ล้างหมู หรือกุ้ง พักไว้

วิธีทำ
1.ตั้งกะทะร้อน ไฟแรง
2.เทน้ำมัน พอน้ำมันอุ่นๆ เอากระเทียมลงกะทะ
3.เจียวกระเทียมหอมแล้ว เอาหมูลง ผัดๆ ๆ พอสุก
4.ใส่ส่วนผสมปรุงรส ผัดแล้วชิมรส ขาดอะไรก็เติม
5.ใส่กะเพรา + พริก ผัดพอเฉา ปิดเตา

ออกมาจะได้กะเพราสูตรไม่เผ็ดมาก น้ำขลุกขลิก
ไม่มีใครบ่นเลยค่ะ ทานได้ทุกวัย


ขอแจมด้วยคนค่ะ

ส่วนประกอบ
  - เนื้อหมู  ประมาณหนึ่งอุ้งมือหมักกับซีอิ๊วขาว 1 ชต. น้ำตาลทรายนิดหน่อย พักไว้
  - กระเทียมสับละเอีด  1  ชต.
  - พริกขี้หนูบุบแตก สับหยาบ  1 ชต.
  - พริกชี้ฟ้าแดงเขียว หั่นแฉลบ  3-4 เม็ด
  - ใบกระเพรามากน้อยตามชอบ เด็ดแช่น้ำฝน  สรงขึ้นให้สะเด็ด
  - ใบมะกรูด 1 ใบ
  - น้ำปลาดี  2 ชต.
  - น้ำตาลปี๊บ  1 ชช.
  - น้ำซุบหมู(น้ำต้มกระดูกหรือน้ำแกงจืด)  หรือน้ำฝน หรือน้ำสะอาด หรือ  4 ชต.
  - น้ำมันหมู  4 ชต. (บางเมนูอร่อยกว่าน้ำมันพืชนะคะ)


ลงมือทำ
  - ตั้งไฟอ่อนใส่น้ำมันหมูลงกระทะพอร้อน
  - ใส่กระเทียม  พริกขึ้หนูสับลงผัด
  - เร่งไฟ  ใส่หมูหมักลงผัด
  - เติมน้ำซุบหมู
  - พอหมูเริ่มสุก ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปีป
  - ใส่พริกชี้ฟ้า  ฉีกใบมะกรูดใส่  ผัดต่ออีกนิด
  - ใส่ใบกระเพรา  คลุกให้ทั่วแล้วปิดไฟเลยค่ะ

รับรอง.........................................อร่อย


สำหรับผมนะ ผัดกะเพราแท้ๆควรใส่แค่ใบกะเพรา พริกชี้ฟ้าแดง ก็พอ อย่าไปใส่ผักอย่างอื่นรสชาติจะเพี้ยน(แต่บางคนอาจชอบ)
พวก หอมใหญ่ ข้าวโพดอ่อน เห็ดฟาง ผมว่ามันไม่อร่อยนะมันจะกลายเป็นผัดขี้เมา แต่ถั่วฝักยาวพออนุโลมได้รสไม่เปลี่ยน
แล้วก็ใช้ไฟแรงๆจนควันท่วมนะสุดยอดผัดเร็วๆ ไม่ต้องชิมเป็นการฝึกน้ำหนักมือไปในตัว 

ผัดหมี่

ผัดหมี่โคราชรสเด็ด สูตรต้นตำหรับ

ผัดหมี่โคราช
สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้ผมมีเมนูท้องถิ่นที่บอกได้เลยว่าใครได้ลองเป็นต้องติดใจกันทุกคน นั้นก็คือ ผัดหมี่โคราช นั่นเองครับ วันนี้เวลามีไม่มาก เรามาดูสูตรผัดหมี่โคราชและวิธีการทำกันเลยดีกว่าครับ รับรองว่ามีเทคนิคเด็ดๆ ดีๆ แน่นอนครับ

ส่วนผสมผัดหมี่โคราช

  • เส้นหมี่โคราช ประมาณ 1 คนทาน
  • เนื้อหมู่หั่นชิ้นบาง (เป็นหมูแดง และหมูสามชั้น รวมกัน) ประมาณ 1 ขีด
  • ถั่วงอก 1 ถ้วย
  • ใบกุ้ยช่ายหั่นท่อน ประมาณ 2 ต้น
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • หอมแดงสับให้ละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
  • กระเทียมสับละเอียด ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ
  • เต้าเจี้ยว 1-2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลปึกหรือน้ำตาลปี๊ป ประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา 2.5 ช้อนโต๊ะ
  • ซีอิ้วดำ ครึ่งช้อนชา
  • พริกป่น ครึ่งช้อนชา
  • น้ำเปล่า 1-2 ถ้วย (อาจจะใส่ไม่หมดนะครับ)
  • น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
เอาหล่ะครับเมื่อเตรียมส่วนผสมกันเรียบร้อยแล้ว เรามาดูวิธีทำผัดหมี่โคราชกันเลยดีกว่าครับ 
  1. เรามาเริ่มด้วยการตั้งกระทะให้ร้อนด้วยไฟปานกลาง หลังจากนั้นใส่น้ำมัน เมื่อน้ำมันร้อนดีแล้วให้ใส่หอมแดงและกระเทียมลงไปผัดให้พอหอม
  2. ใส่น้ำตาลปึกลงไปเคี่ยวให้ละลายและมีสีเข้มขึ้นเล็กน้อย หลังจากนั้นให้ใส่เต้าเจี้ยว น้ำมะขามเปียก น้ำปลา พริกป่น และซีอิ๊วดำลงคนให้เข้ากันดี
  3. ใส่หมูลงผัดให้สุก แล้วเติมน้ำลงไปรอให้เดือดจึงลองชิมรสดูให้เข้มข้น
  4. ใส่เส้นหมี่ลงทีละนิดลงจนหมด และคลุกเคล้าให้เข้ากันกระทั่งน้ำปรุงซึมเข้าเส้นจนหมด ใช้ตะหลิวเกลี่ยเส้นหมี่ไว้ข้างกระทะ หลังจากนั้นให้ตอกไข่ลงไปในพื้นที่ว่างๆ ตีให้แตกเบาๆ แล้วผัดเส้นลงไปกลบ ทิ้งไว้สักพักแล้วจึงผัดให้ไข่สุก
  5. หลังจากนั้นใส่ใมบกุ้ยช่ายและถั่วงอกลงไป ผัดให้เข้ากันแล้วจึงปิดเตาตักใส่จาน
  6. เสิร์ฟพร้อม ถั่วงอก มะนาวหั่นซีก ใบกุ้ยช่าย และพริกป่น

เคล็ดลับ

  • เส้นที่ใช้จะเส้นเฉพาะของหมี่โคราช เพราะฉะนั้นเวลาผัดไม่จำเป็นต้องแช่น้ำก่อน สามารถใส่ลงไปผัดหลังจากเติมน้ำได้เลยครับ สำหรับการเติมน้ำนั้นอาจจะยากสักหน่อย แต่ให้ลองใส่น้ำลงไปก่อนสักประมาณ 1-1.5 ถ้วย ถ้าดูว่าแห้งก็ให้เติมลงไปได้อีก
  • กระทะที่เหมาะสมคือกระทะเหล็กขนาดใหญ่เพราะจะต้องใส่น้ำลงไปพอสมควร
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ จะเห็นว่าผัดหมี่โคราชนั้นจะมีลักษณะคล้ายๆ กับผัดไทยเลย เพียงแต่เส้นที่ใช้จะเป็นเส้นหมี่โคราชโดยเฉพาะ และตอนผัดจะใส่พริกป่นลงไปด้วย หากทำให้เด็กๆ ทานอาจจะไม่ใส่พริกป่นได้ครับ แต่รสชาติที่ควรจะเป็นสำหรับผัดหมี่โคราชคือ เปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด หากใครชอบรสจัดก็สามารถเพิ่มอัตราส่วนของเครื่องปรุงได้ครับ

วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ยอร่อยก้องโลก 295583อ่าน 23,318 ​6 สูตรผัดไทย เอ่ยชื่อเมนูอาหารชื่อดังของไทย นอกจากต้มยำกุ้งและส้มตำแล้ว อาหารจานเดียวอย่างผัดไทย ก็เด็ดเช่นกัน ทำง่าย ๆ เลือกตามสไตล์ที่ใช่กันได้เลย อาหารของไทยมีชื่อเสียงดังไปไกลถึงต่างประเทศหลากหลายเมนู ดังเห็นจากมีร้านอาหารไทยในต่างแดนผุดขึ้นมากมาย และมีชาวต่างชาติมาเที่ยวในไทยต่างต้องแวะทานอาหารขึ้นชื่อของบ้านเราโดยเฉพาะเมนูผัดไทย วันนี้กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำผัดไทย 6 สูตร ได้แก่ ผัดไทยกุ้งสด วุ้นเส้นผัดไทย ผัดไทยเกี๊ยวกรอบ ผัดไทยไชยา ผัดไทยมะละกอ และผัดไทยมังสวิรัติ เอาใจคนชอบผัดไทยและอยากหาความแปลกใหม่จากเดิม เลือกทำได้ตามชอบเลยจ้า เด็ดทุกเมนู ​6 สูตรผัดไทย 1. ผัดไทยกุ้งสด เริ่มกันด้วยเมนูผัดไทยพื้นฐานที่ใครก็ปลื้มกันก่อนเลยกับผัดไทยกุ้งสด ส่วนผสมก็เหมือนการทำผัดไทยทั่ว ๆ ไป เพียงแค่เปลี่ยนจากกุ้งแห้งเป็นกุ้งสด อยากกินกี่ตัวก็ใส่ลงไปให้เต็มเหนี่ยว ปรุงรสด้วยพริกป่น น้ำปลา และน้ำตาลทรายตามชอบเลยค่ะ ส่วนผสม ผัดไทย ซอสผัดไทย กุ้งสด (แกะเปลือกผ่าหลังเอาเส้นดำออก) 3-5 ตัว (ตามชอบ) เต้าหู้เหลือง (หั่นเต๋า) 3 ช้อนโต๊ะ ไชโป๊ (สับละเอียด) 2 ช้อนโต๊ะ ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก (หรือเส้นจันท์) แช่น้ำจนนิ่ม ถั่วงอกดิบ ใบกุยช่าย (หั่นท่อน) ไข่ไก่ 1 ฟอง น้ำมันพืช (สำหรับผัด) ถั่วลิสงคั่วบด (ตามชอบ) ผักสด (สำหรับทานคู่) ส่วนผสม ซอสผัดไทย น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ พริกป่น 1 ช้อนชา (หรือความเผ็ดตามชอบ) วิธีทำซอสผัดไทย ผสมน้ำตาลปี๊บ น้ำมะขามเปียก น้ำปลา และพริกป่นเข้าด้วยกัน นำขึ้นตั้งไฟพอร้อนและน้ำตาลปี๊บละลายเตรียมไว้ (ถ้าต้องการเก็บไว้หลายวันให้รอจนเดือดแล้วเก็บใส่ภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด) วิธีทำผัดไทยกุ้งสด 1. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ พอน้ำมันร้อนใส่กุ้งสดลงไปผัดให้โดนความร้อนจนกุ้งเริ่มสุก ตักขึ้นใส่จานเตรียมไว้ 2. ใส่เต้าหู้ลงไปผัดในกระทะใบเดิมพอให้เหลืองหอม ตามด้วยไชโป๊สับ ผัดพอเข้ากัน ใส่น้ำซอสผัดไทยที่เตรียมไว้ลงไปผัดให้เข้ากันจนเริ่มเดือด 3. ใส่เส้นก๋วยเตี๋ยวที่แช่น้ำแล้วลงไปผัดให้เข้ากันเบา ๆ แล้วใช้ตะหลิวเขี่ยเส้นไปไว้ข้างกระทะ 4. ตอกไข่ไก่ลงไป ยีให้พอแตก รอจนไข่เริ่มสุกแล้วนำส่วนผสมเส้นมาผัดให้เข้ากัน ตามด้วยกุ้งที่เตรียมไว้ตักใส่จาน เสิร์ฟพร้อมผัดสด ถั่วลิสงคั่วบด พริกป่น และมะนาว ​6 สูตรผัดไทย 2. วุ้นเส้นผัดไทย อาหารจานเดียวอย่างผัดไทยสามารถดัดแปลงเส้นก๋วยเตี๋ยวได้ ใครที่เบื่อกับเส้นเล็กแล้วลองเปลี่ยนมาใส่วุ้นเส้นลงไปแทนก็อร่อยเหมือนกัน ขอแนะนำวุ้นเส้นผัดไทย สูตรนี้ใส่น้ำมะขามเปียก มีความหอมของกระเทียมและหอมแดง เมื่อกินวุ้นเส้นกับกุ้งสดตัวโต ๆ แล้วเข้ากันจริงเชียว ส่วนผสม วุ้นเส้นผัดไทย น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ หอมแดงสับหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ ไชโป๊ หวานสับ 3 ช้อนโต๊ะ กุ้งสด (ปอกเปลือกผ่าหลัง) 5 ตัว เต้าหู้เหลือง (หั่นชิ้นเล็ก) 1/2 ก้อน น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลปี๊บ 2 1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 4 ช้อนโต๊ะ พริกป่น 2 ช้อนชา วุ้นเส้น (แช่น้ำจนนุ่ม) 200 กรัม น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย ใบกุยช่าย (หั่นเป็นท่อน) 2 ต้น ถั่วงอก ถั่วลิสงคั่วบด พริกป่น มะนาว วิธีทำวุ้นเส้นผัดไทย 1. ใส่นำมันพืชลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟพอร้อน ใส่หอมแดงและกระเทียมลงผัดจนมีกลิ่นหอม ใส่ไชโป๊สับ กุ้ง และเต้าหู้เหลืองลงผัดจนกุ้งสุก 2. ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา และพริกป่น ผัดจนส่วนผสมเข้ากันดีทั้งหมด จากนั้นใส่วุ้นเส้น และน้ำลงผัดจนเส้นสุกนุ่ม ตักเส้นไว้ข้างกระทะ 3. ตอกไข่ไก่ใส่ลงในกระทะ ยีไข่แดงจนไข่เริ่มสุก ตักส่วนผสมเส้นลงมาผัดรวมกับไข่ จากนั้นใส่ใบกุยช่าย และถั่วงอกลงผัดให้เข้ากันสักครู่ ตักใส่จาน เสิร์ฟพร้อมเครื่องปรุง ได้แก่ ถั่วลิสงคั่วบด พริกป่น มะนาว และเครื่องเคียงอย่างถั่วงอกสดและใบกุยช่าย ​6 สูตรผัดไทย 3. ผัดไทยเกี๊ยวกรอบ ใครอยากลองทำผัดไทยสไตล์ใหม่กันบ้างคะ ขอแนะนำผัดไทยเกี๊ยวปูกรอบสูตรจาก คุณ swin สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม สูตรนี้ไม่ใช้เส้นเล็กหรือวุ้นเส้น แต่ใช้เกี๊ยวทอดใส่ไส้ปูมาผัดคลุกเคล้ากับส่วนผสมผัดไทย เท่านั้นยังไม่พอใส่กุ้งสดลงไปอีกด้วย แหม... หน้าตาและสีสันชวนน้ำลายสอมากเลยค่ะ ส่วนผสม ผัดไทยเกี๊ยวกรอบ แผ่นเกี๊ยวแบบหนา เนื้อปู หมูสับ กุ้งสับ กระเทียม น้ำพริกแกงผัดไทย (เอามาจากทางใต้ ประกอบไปด้วย หอมแดง พริกชี้ฟ้าแห้ง และน้ำตาลปึก) เต้าหู้ทอด มะขามเปียก (สำหรับปรุงรส) น้ำปลา (สำหรับปรุงรส) ถั่วงอก วิธีทำผัดไทยเกี๊ยวกรอบ ​6 สูตรผัดไทย 1. เริ่มจากทำเกี๊ยวปูกรอบโดยผสมเนื้อปูและหมูสับเข้าด้วยกัน นำส่วนผสมไส้ลงไปห่อกับแผ่นเกี๊ยวแบบหนา แล้วนำเกี๊ยวไปทอดให้สุกเหลืองกรอบ เตรียมไว้ ​6 สูตรผัดไทย 2. ทำซอสผัดไทยโดยผัดหอมแดง พริกชี้ฟ้าแห้ง และน้ำตาลปึกเข้าด้วยกัน เตรียมไว้ ​6 สูตรผัดไทย 3. ใส่น้ำมันลงในกระทะ ตามด้วยกุ้งสดผัดกับกระเทียม ใส่พริกแกงผัดไทยลงไป ตามด้วยเต้าหู้ทอดผัดให้เข้ากัน 4. ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียกและน้ำปลา ใส่ถั่วงอกลงไป ผัดพอถั่วงอกสุก ใส่เกี๊ยวทอดไปคลุกให้เข้ากัน พร้อมเสิร์ฟ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ผัดไทยเกี๊ยวกรอบ เมนูแซ่บสไตล์ใหม่ ๆ ไม่เชื่อต้องลอง ! ​6 สูตรผัดไทย 4. ผัดไทยไชยา ไม่ต้องเดินทางไปถึงภาคใต้ก็ได้ชิมผัดไทยแบบใต้กันแล้วค่ะ กับผัดไทยไชยาสูตรจาก คุณสมาชิกหมายเลข 1136170 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ทำกินเองง่าย ๆ ไร้เนื้อสัตว์ จับเส้นไปผัดกับน้ำผัดไทยสูตรเฉพาะ ไม่ต้องใส่เครื่องปรุงอะไรเพิ่มแล้ว ทานแค่นี้ก็อร่อยลิ้นแล้วค่ะ ส่วนผสม ผัดไทยไชยา น้ำผัดไทยไชยา (ตามสูตรด้านล่าง) ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กและเส้นหมี่ (ยี่ห้อที่นิยมคือ ตราดอกบัว) ถั่วงอกดิบ หรือกะหล่ำปลีซอย ใบกุยช่าย ​6 สูตรผัดไทย น้ำผัดไทยไชยา ส่วนผสม น้ำผัดไทยไชยา น้ำพริกเครื่องก๋วยเตี๋ยว 1 กิโลกรัม (ตามสูตรด้านล่าง) หอมแดง 2 กิโลกรัม มะขามเปียก 1/2 กิโลกรัม กะทิ 4 กิโลกรัม น้ำตาลปี๊บอย่างดี 5 กิโลกรัม น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม กะปิ เล็กน้อย เกลือเม็ด เล็กน้อย น้ำมันพืช เล็กน้อย ​6 สูตรผัดไทย น้ำพริกเครื่องก๋วยเตี๋ยว (สำหรับทำผัดไทยไชยา) ส่วนผสม น้ำพริกเครื่องก๋วยเตี๋ยว พริกแห้งเม็ดใหญ่ 1 กิโลกรัม หอมแดง 3 กิโลกรัม เกลือเม็ด เล็กน้อย วิธีทำน้ำพริกเครื่องก๋วยเตี๋ยว 1. ผ่าพริกแห้งแล้วนำเม็ดออก นำไปแช่น้ำจนนิ่ม เตรียมไว้ 2. นำหอมแดงไปแช่น้ำแล้วปอกเปลือกออก (เคล็ดลับ : ถ้านำหอมแดงไปแช่น้ำจะทำให้ปอกง่ายและไม่แสบตา) 3. ปั่นผสมพริกแห้งที่แช่น้ำจนนิ่มแล้วกับหอมแดง และเกลือเม็ดจนละเอียด เตรียมไว้สำหรับทำน้ำผัดไทย วิธีทำน้ำผัดไทยไชยา 1. ปอกเปลือกหอมแดงออกแล้วนำไปปั่นให้ละเอียด เตรียมไว้ 2. นำมะขามเปียกมาคั้นกับน้ำ เตรียมไว้ 3. ใส่กะทิลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟไม่ต้องรอให้เดือด ใส่หอมแดงปั่น น้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย กะปิ และเกลือเม็ดลงไป คนผสมให้ละลายเข้ากัน เคี่ยวจนเดือด ชิมรสตามชอบ (ให้รสชาติหวานนำตามด้วยเปรี้ยว และเค็มตามลำดับ) เคี่ยวต่ออีกสักครู่แล้วปิดไฟ (ไม่ต้องเคี่ยวนานเพราะเดี๋ยวกะทิจะแตกมัน) เตรียมไว้ผัดกับเส้น วิธีทำผัดไทยไชยา ผัดเส้นก๋วยเตี๋ยว (1 กิโลกรัม) กับน้ำผัดไทย (1.2 กิโลกรัม) *ถ้าน้ำผัดไทยรสชาติเข้มข้นเกินไปให้ใส่น้ำเปล่าเพิ่มลงไป 1 แก้ว ผัดจนเส้นสุก ตักใส่จาน เสิร์ฟพร้อมกับถั่วงอกดิบ และใบกุยช่าย ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ผัดไทยไชยา เส้นเหนียวนุ่มรสเข้มข้น เมนูเด็ดจากแดนใต้ ​6 สูตรผัดไทย 5. ผัดไทยมะละกอ เอาใจสาว ๆ ที่กลัวอ้วนกับเมนูผัดไทยมะละกอสูตรจาก คุณบ่งบ๊ง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม แปลงร่างมะละกอเป็นเส้นผัดไทยคลุกเคล้ากับเครื่องปรุงผัดไทย ใส่กุ้งสดตามชอบ ตบท้ายด้วยการห่อด้วยไข่ ว้าว... ท้องเริ่มร้องแล้วจ้า ส่วนผสม ผัดไทยมะละกอ น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ เต้าหู้แข็งทอดหั่นลูกเต๋า 2 ช้อนโต๊ะ หอมแดง 1 ช้อนโต๊ะ มะละกอสับ 200 กรัม หัวไชโป๊หวานสับ หรือหัวไชโป๊เส้น 2 ช้อนโต๊ะ กุ้งสด ตามชอบ กุ้งแห้ง น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลปี๊บเคี่ยว 2 ช้อนโต๊ะ พริกป่น 1 ช้อนชา ถั่วงอก 200 กรัม ใบกุยช่าย (หั่นท่อน) 2 ต้น ไข่ไก่ 1 ฟอง ถั่วลิสงคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว ผักเคียงตามชอบ อาทิ ถั่วงอก หัวปลี ใบบัวบก ใบกุยช่าย แตงล้าน วิธีทำผัดไทยมะละกอ ​6 สูตรผัดไทย 1. ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมันพืชลงไป นำเต้าหู้ที่หั่นไว้ลงทอดพอเหลือง ใส่หอมแดงลงผัดให้เนื้อสุกใส 2. ใส่มะละกอสับและหัวไชโป๊ ตามด้วยกุ้ง (ถ้าชอบกุ้งสุก ๆ ก็ใส่ไปก่อนได้ แต่พวกที่ปลื้มของดิบ ๆ ก็ต้องจัดไปทีหลังสุดนะเจ้าคะ) กุ้งแห้งฝอยที่ให้แคลเซียมไปหน่อยนะคะ ปรุงรสอร่อยด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำปลา น้ำตาลปี๊บเคี่ยว ใส่พริกป่นลงไป ผัดจนมะละกอนิ่ม 3. ใส่ถั่วงอกและใบกุยช่ายลงไป เพราะเราจะทำแบบห่อไข่ ฉะนั้นต้องใส่ผักไปก่อน แต่ไม่ต้องผัดนานนะคะ แค่พอคลุก ๆ เคล้า ๆ ให้ผักสลดก็พอแล้วค่ะ ​6 สูตรผัดไทย 4. ตีไข่ไก่ในชามแบบทำไข่เจียว แล้วเกลี่ยเส้นไปไว้ข้าง ๆ กระทะ แล้วเทไข่ไก่ลงไป พอไข่สุกเล็กน้อยก็ค่อย ๆ เกลี่ยเส้นมะละกอมาในแผ่นไข่ ไม่ต้องให้ไข่สุกมาก เพราะตัวเส้นมะละกออมความร้อนอยู่แล้ว เกลี่ยลงมาไข่ก็จะสุกขึ้นอีกนะคะ 5. ตลบไข่ให้ปิดเส้น โรยหน้าด้วยถั่วลิสง ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว จัดใส่จาน เสิร์ฟพร้อมผักเคียงต่าง ๆ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ผัดไทยมะละกอ...อิ่มอร่อยแบบไม่ต้องกลัวอ้วน ​6 สูตรผัดไทย 6. ผัดไทยมังสวิรัติ เอาใจคนไม่อยากทานเนื้อสัตว์ด้วยผัดไทยมังสวิรัติ ส่วนผสมเหมือนผัดไทยธรรมดา ใส่เส้นเล็กคลุกเคล้ากับเครื่องปรุงผัดไทย เสิร์ฟคู่กับหัวปลี ใบบัวบก ถั่วงอกดิบ ส่วนผสม ผัดไทยมังสวิรัติ ผงปรุงรสเห็ดหอม 1 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมะขามเปียก 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ ก๋วยเตี๋ยวเส้นจันท์ หรือเส้นเล็ก ตามชอบ 100 กรัม น้ำซุปผัก 1 ถ้วยตวง เต้าหู้เหลืองหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก 100 กรัม ไชโป๊เค็มสับหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ ถั่วงอกดิบ (เด็ดรากออก) 1 ถ้วยตวง ถั่วลิสงคั่วบด 1 ช้อนโต๊ะ พริกป่น 1 ช้อนชา มะนาวผ่าซีก ผักเคียงตามชอบ เช่น หัวปลี ใบบัวบก ถั่วงอกดิบ วิธีทำผัดไทยมังสวิรัติ 1. ใส่ผงปรุงรสเห็ดหอม ซีอิ๊วขาว น้ำตาลปี๊บ และน้ำมะขามเปียกลงในอ่างผสม คนให้เข้ากันจนน้ำตาลปี๊บละลาย 2. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟอ่อน ใส่เส้นก๋วยเตี๋ยวลงผัด ค่อย ๆ ใส่น้ำซุปผักขณะผัดจนเส้นเริ่มนุ่ม 3. ใส่เต้าหู้เหลืองลงผัด ตามด้วยส่วนผสมน้ำผัดไทย ผัดจนเข้ากัน ใส่ไชโป๊เค็มและถั่วงอกลงผัดพอสุก ตักขึ้นใส่จาน โรยถั่วลิสงคั่วบดและพริกป่น รับประทานคู่กับผักสดตามชอบ


ยอร่อยก้องโลก


​6 สูตรผัดไทย
          เอ่ยชื่อเมนูอาหารชื่อดังของไทย นอกจากต้มยำกุ้งและส้มตำแล้ว อาหารจานเดียวอย่างผัดไทย ก็เด็ดเช่นกัน ทำง่าย ๆ เลือกตามสไตล์ที่ใช่กันได้เลย 

          อาหารของไทยมีชื่อเสียงดังไปไกลถึงต่างประเทศหลากหลายเมนู ดังเห็นจากมีร้านอาหารไทยในต่างแดนผุดขึ้นมากมาย และมีชาวต่างชาติมาเที่ยวในไทยต่างต้องแวะทานอาหารขึ้นชื่อของบ้านเราโดยเฉพาะเมนูผัดไทย วันนี้กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำผัดไทย 6 สูตร ได้แก่ ผัดไทยกุ้งสด วุ้นเส้นผัดไทย ผัดไทยเกี๊ยวกรอบ ผัดไทยไชยา ผัดไทยมะละกอ และผัดไทยมังสวิรัติ เอาใจคนชอบผัดไทยและอยากหาความแปลกใหม่จากเดิม เลือกทำได้ตามชอบเลยจ้า เด็ดทุกเมนู

​6 สูตรผัดไทย

 1. ผัดไทยกุ้งสด

          เริ่มกันด้วยเมนูผัดไทยพื้นฐานที่ใครก็ปลื้มกันก่อนเลยกับผัดไทยกุ้งสด ส่วนผสมก็เหมือนการทำผัดไทยทั่ว ๆ ไป เพียงแค่เปลี่ยนจากกุ้งแห้งเป็นกุ้งสด อยากกินกี่ตัวก็ใส่ลงไปให้เต็มเหนี่ยว ปรุงรสด้วยพริกป่น น้ำปลา และน้ำตาลทรายตามชอบเลยค่ะ


 ส่วนผสม ผัดไทย

           ซอสผัดไทย
           กุ้งสด (แกะเปลือกผ่าหลังเอาเส้นดำออก) 3-5 ตัว (ตามชอบ)
           เต้าหู้เหลือง (หั่นเต๋า) 3 ช้อนโต๊ะ
           ไชโป๊ (สับละเอียด) 2 ช้อนโต๊ะ
           ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก (หรือเส้นจันท์) แช่น้ำจนนิ่ม
           ถั่วงอกดิบ
           ใบกุยช่าย (หั่นท่อน)
           ไข่ไก่ 1 ฟอง
           น้ำมันพืช (สำหรับผัด)
           ถั่วลิสงคั่วบด (ตามชอบ)
           ผักสด (สำหรับทานคู่)

 ส่วนผสม ซอสผัดไทย

           น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
           น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
           น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
           พริกป่น 1 ช้อนชา (หรือความเผ็ดตามชอบ)

 วิธีทำซอสผัดไทย

           ผสมน้ำตาลปี๊บ น้ำมะขามเปียก น้ำปลา และพริกป่นเข้าด้วยกัน นำขึ้นตั้งไฟพอร้อนและน้ำตาลปี๊บละลายเตรียมไว้ (ถ้าต้องการเก็บไว้หลายวันให้รอจนเดือดแล้วเก็บใส่ภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด)

 วิธีทำผัดไทยกุ้งสด

           1. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ พอน้ำมันร้อนใส่กุ้งสดลงไปผัดให้โดนความร้อนจนกุ้งเริ่มสุก ตักขึ้นใส่จานเตรียมไว้

           2. ใส่เต้าหู้ลงไปผัดในกระทะใบเดิมพอให้เหลืองหอม ตามด้วยไชโป๊สับ ผัดพอเข้ากัน ใส่น้ำซอสผัดไทยที่เตรียมไว้ลงไปผัดให้เข้ากันจนเริ่มเดือด

           3. ใส่เส้นก๋วยเตี๋ยวที่แช่น้ำแล้วลงไปผัดให้เข้ากันเบา ๆ แล้วใช้ตะหลิวเขี่ยเส้นไปไว้ข้างกระทะ

           4. ตอกไข่ไก่ลงไป ยีให้พอแตก รอจนไข่เริ่มสุกแล้วนำส่วนผสมเส้นมาผัดให้เข้ากัน ตามด้วยกุ้งที่เตรียมไว้ตักใส่จาน เสิร์ฟพร้อมผัดสด ถั่วลิสงคั่วบด พริกป่น และมะนาว


​6 สูตรผัดไทย

 2. วุ้นเส้นผัดไทย

          อาหารจานเดียวอย่างผัดไทยสามารถดัดแปลงเส้นก๋วยเตี๋ยวได้ ใครที่เบื่อกับเส้นเล็กแล้วลองเปลี่ยนมาใส่วุ้นเส้นลงไปแทนก็อร่อยเหมือนกัน ขอแนะนำวุ้นเส้นผัดไทย สูตรนี้ใส่น้ำมะขามเปียก มีความหอมของกระเทียมและหอมแดง เมื่อกินวุ้นเส้นกับกุ้งสดตัวโต ๆ แล้วเข้ากันจริงเชียว

 ส่วนผสม วุ้นเส้นผัดไทย

           น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
           หอมแดงสับหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ
           กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
           ไชโป๊
           หวานสับ 3 ช้อนโต๊ะ
           กุ้งสด (ปอกเปลือกผ่าหลัง) 5 ตัว
           เต้าหู้เหลือง (หั่นชิ้นเล็ก) 1/2 ก้อน
           น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ
           น้ำตาลปี๊บ 2 1/2 ช้อนโต๊ะ
           น้ำปลา 4 ช้อนโต๊ะ
           พริกป่น 2 ช้อนชา
           วุ้นเส้น (แช่น้ำจนนุ่ม) 200 กรัม
           น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
           ใบกุยช่าย (หั่นเป็นท่อน) 2 ต้น
           ถั่วงอก
           ถั่วลิสงคั่วบด
           พริกป่น
           มะนาว

 วิธีทำวุ้นเส้นผัดไทย

           1. ใส่นำมันพืชลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟพอร้อน ใส่หอมแดงและกระเทียมลงผัดจนมีกลิ่นหอม ใส่ไชโป๊สับ กุ้ง และเต้าหู้เหลืองลงผัดจนกุ้งสุก

           2. ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา และพริกป่น ผัดจนส่วนผสมเข้ากันดีทั้งหมด จากนั้นใส่วุ้นเส้น และน้ำลงผัดจนเส้นสุกนุ่ม ตักเส้นไว้ข้างกระทะ

           3. ตอกไข่ไก่ใส่ลงในกระทะ ยีไข่แดงจนไข่เริ่มสุก ตักส่วนผสมเส้นลงมาผัดรวมกับไข่ จากนั้นใส่ใบกุยช่าย และถั่วงอกลงผัดให้เข้ากันสักครู่ ตักใส่จาน เสิร์ฟพร้อมเครื่องปรุง ได้แก่ ถั่วลิสงคั่วบด พริกป่น มะนาว และเครื่องเคียงอย่างถั่วงอกสดและใบกุยช่าย

​6 สูตรผัดไทย

 3. ผัดไทยเกี๊ยวกรอบ

          ใครอยากลองทำผัดไทยสไตล์ใหม่กันบ้างคะ ขอแนะนำผัดไทยเกี๊ยวปูกรอบสูตรจาก คุณ swin สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม สูตรนี้ไม่ใช้เส้นเล็กหรือวุ้นเส้น แต่ใช้เกี๊ยวทอดใส่ไส้ปูมาผัดคลุกเคล้ากับส่วนผสมผัดไทย เท่านั้นยังไม่พอใส่กุ้งสดลงไปอีกด้วย แหม... หน้าตาและสีสันชวนน้ำลายสอมากเลยค่ะ

 ส่วนผสม ผัดไทยเกี๊ยวกรอบ

           แผ่นเกี๊ยวแบบหนา
           เนื้อปู
           หมูสับ
           กุ้งสับ
           กระเทียม
           น้ำพริกแกงผัดไทย (เอามาจากทางใต้ ประกอบไปด้วย หอมแดง พริกชี้ฟ้าแห้ง และน้ำตาลปึก)
           เต้าหู้ทอด
           มะขามเปียก (สำหรับปรุงรส)
           น้ำปลา (สำหรับปรุงรส)
           ถั่วงอก

 วิธีทำผัดไทยเกี๊ยวกรอบ

​6 สูตรผัดไทย

           1. เริ่มจากทำเกี๊ยวปูกรอบโดยผสมเนื้อปูและหมูสับเข้าด้วยกัน นำส่วนผสมไส้ลงไปห่อกับแผ่นเกี๊ยวแบบหนา แล้วนำเกี๊ยวไปทอดให้สุกเหลืองกรอบ เตรียมไว้

​6 สูตรผัดไทย
           2. ทำซอสผัดไทยโดยผัดหอมแดง พริกชี้ฟ้าแห้ง และน้ำตาลปึกเข้าด้วยกัน เตรียมไว้

​6 สูตรผัดไทย

           3. ใส่น้ำมันลงในกระทะ ตามด้วยกุ้งสดผัดกับกระเทียม ใส่พริกแกงผัดไทยลงไป ตามด้วยเต้าหู้ทอดผัดให้เข้ากัน

           4. ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียกและน้ำปลา ใส่ถั่วงอกลงไป ผัดพอถั่วงอกสุก ใส่เกี๊ยวทอดไปคลุกให้เข้ากัน พร้อมเสิร์ฟ

           ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ผัดไทยเกี๊ยวกรอบ เมนูแซ่บสไตล์ใหม่ ๆ ไม่เชื่อต้องลอง !

​6 สูตรผัดไทย

 4. ผัดไทยไชยา

          ไม่ต้องเดินทางไปถึงภาคใต้ก็ได้ชิมผัดไทยแบบใต้กันแล้วค่ะ กับผัดไทยไชยาสูตรจาก คุณสมาชิกหมายเลข 1136170 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ทำกินเองง่าย ๆ ไร้เนื้อสัตว์ จับเส้นไปผัดกับน้ำผัดไทยสูตรเฉพาะ  ไม่ต้องใส่เครื่องปรุงอะไรเพิ่มแล้ว ทานแค่นี้ก็อร่อยลิ้นแล้วค่ะ

 ส่วนผสม ผัดไทยไชยา

           น้ำผัดไทยไชยา (ตามสูตรด้านล่าง)
           ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กและเส้นหมี่ (ยี่ห้อที่นิยมคือ ตราดอกบัว)
           ถั่วงอกดิบ หรือกะหล่ำปลีซอย
           ใบกุยช่าย

​6 สูตรผัดไทย
         น้ำผัดไทยไชยา

 ส่วนผสม น้ำผัดไทยไชยา

           น้ำพริกเครื่องก๋วยเตี๋ยว 1 กิโลกรัม (ตามสูตรด้านล่าง)
           หอมแดง 2 กิโลกรัม
           มะขามเปียก 1/2 กิโลกรัม
           กะทิ 4 กิโลกรัม
           น้ำตาลปี๊บอย่างดี 5 กิโลกรัม
           น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม
           กะปิ เล็กน้อย
           เกลือเม็ด เล็กน้อย
           น้ำมันพืช เล็กน้อย

​6 สูตรผัดไทย
          น้ำพริกเครื่องก๋วยเตี๋ยว (สำหรับทำผัดไทยไชยา)

 ส่วนผสม น้ำพริกเครื่องก๋วยเตี๋ยว

           พริกแห้งเม็ดใหญ่ 1 กิโลกรัม
           หอมแดง 3 กิโลกรัม
           เกลือเม็ด เล็กน้อย

 วิธีทำน้ำพริกเครื่องก๋วยเตี๋ยว

           1. ผ่าพริกแห้งแล้วนำเม็ดออก นำไปแช่น้ำจนนิ่ม เตรียมไว้

           2. นำหอมแดงไปแช่น้ำแล้วปอกเปลือกออก (เคล็ดลับ : ถ้านำหอมแดงไปแช่น้ำจะทำให้ปอกง่ายและไม่แสบตา)

           3. ปั่นผสมพริกแห้งที่แช่น้ำจนนิ่มแล้วกับหอมแดง และเกลือเม็ดจนละเอียด เตรียมไว้สำหรับทำน้ำผัดไทย

 วิธีทำน้ำผัดไทยไชยา

           1. ปอกเปลือกหอมแดงออกแล้วนำไปปั่นให้ละเอียด เตรียมไว้

           2. นำมะขามเปียกมาคั้นกับน้ำ เตรียมไว้

           3. ใส่กะทิลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟไม่ต้องรอให้เดือด ใส่หอมแดงปั่น น้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย กะปิ และเกลือเม็ดลงไป คนผสมให้ละลายเข้ากัน เคี่ยวจนเดือด ชิมรสตามชอบ (ให้รสชาติหวานนำตามด้วยเปรี้ยว และเค็มตามลำดับ) เคี่ยวต่ออีกสักครู่แล้วปิดไฟ (ไม่ต้องเคี่ยวนานเพราะเดี๋ยวกะทิจะแตกมัน) เตรียมไว้ผัดกับเส้น

 วิธีทำผัดไทยไชยา

           ผัดเส้นก๋วยเตี๋ยว (1 กิโลกรัม) กับน้ำผัดไทย (1.2 กิโลกรัม) *ถ้าน้ำผัดไทยรสชาติเข้มข้นเกินไปให้ใส่น้ำเปล่าเพิ่มลงไป 1 แก้ว ผัดจนเส้นสุก ตักใส่จาน เสิร์ฟพร้อมกับถั่วงอกดิบ และใบกุยช่าย

           ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ผัดไทยไชยา เส้นเหนียวนุ่มรสเข้มข้น เมนูเด็ดจากแดนใต้

​6 สูตรผัดไทย

 5. ผัดไทยมะละกอ

          เอาใจสาว ๆ ที่กลัวอ้วนกับเมนูผัดไทยมะละกอสูตรจาก คุณบ่งบ๊ง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม แปลงร่างมะละกอเป็นเส้นผัดไทยคลุกเคล้ากับเครื่องปรุงผัดไทย ใส่กุ้งสดตามชอบ ตบท้ายด้วยการห่อด้วยไข่ ว้าว... ท้องเริ่มร้องแล้วจ้า

 ส่วนผสม ผัดไทยมะละกอ

           น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
           เต้าหู้แข็งทอดหั่นลูกเต๋า 2 ช้อนโต๊ะ
           หอมแดง 1 ช้อนโต๊ะ
           มะละกอสับ 200 กรัม
           หัวไชโป๊หวานสับ หรือหัวไชโป๊เส้น 2  ช้อนโต๊ะ
           กุ้งสด ตามชอบ
           กุ้งแห้ง
           น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
           น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
           น้ำตาลปี๊บเคี่ยว 2 ช้อนโต๊ะ  
           พริกป่น 1 ช้อนชา
           ถั่วงอก 200 กรัม
           ใบกุยช่าย (หั่นท่อน) 2 ต้น
           ไข่ไก่ 1 ฟอง
           ถั่วลิสงคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
           น้ำมะนาว
           ผักเคียงตามชอบ อาทิ ถั่วงอก หัวปลี ใบบัวบก ใบกุยช่าย แตงล้าน

 วิธีทำผัดไทยมะละกอ

​6 สูตรผัดไทย

           1. ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมันพืชลงไป นำเต้าหู้ที่หั่นไว้ลงทอดพอเหลือง ใส่หอมแดงลงผัดให้เนื้อสุกใส

           2. ใส่มะละกอสับและหัวไชโป๊ ตามด้วยกุ้ง (ถ้าชอบกุ้งสุก ๆ ก็ใส่ไปก่อนได้ แต่พวกที่ปลื้มของดิบ ๆ ก็ต้องจัดไปทีหลังสุดนะเจ้าคะ) กุ้งแห้งฝอยที่ให้แคลเซียมไปหน่อยนะคะ ปรุงรสอร่อยด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำปลา น้ำตาลปี๊บเคี่ยว ใส่พริกป่นลงไป ผัดจนมะละกอนิ่ม

           3. ใส่ถั่วงอกและใบกุยช่ายลงไป เพราะเราจะทำแบบห่อไข่ ฉะนั้นต้องใส่ผักไปก่อน แต่ไม่ต้องผัดนานนะคะ แค่พอคลุก ๆ เคล้า ๆ ให้ผักสลดก็พอแล้วค่ะ

​6 สูตรผัดไทย
           4. ตีไข่ไก่ในชามแบบทำไข่เจียว แล้วเกลี่ยเส้นไปไว้ข้าง ๆ กระทะ แล้วเทไข่ไก่ลงไป พอไข่สุกเล็กน้อยก็ค่อย ๆ เกลี่ยเส้นมะละกอมาในแผ่นไข่ ไม่ต้องให้ไข่สุกมาก เพราะตัวเส้นมะละกออมความร้อนอยู่แล้ว เกลี่ยลงมาไข่ก็จะสุกขึ้นอีกนะคะ

           5. ตลบไข่ให้ปิดเส้น โรยหน้าด้วยถั่วลิสง ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว จัดใส่จาน เสิร์ฟพร้อมผักเคียงต่าง ๆ

           ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ผัดไทยมะละกอ...อิ่มอร่อยแบบไม่ต้องกลัวอ้วน

​6 สูตรผัดไทย

 6. ผัดไทยมังสวิรัติ

          เอาใจคนไม่อยากทานเนื้อสัตว์ด้วยผัดไทยมังสวิรัติ ส่วนผสมเหมือนผัดไทยธรรมดา ใส่เส้นเล็กคลุกเคล้ากับเครื่องปรุงผัดไทย เสิร์ฟคู่กับหัวปลี ใบบัวบก ถั่วงอกดิบ

 ส่วนผสม ผัดไทยมังสวิรัติ

           ผงปรุงรสเห็ดหอม 1 ช้อนโต๊ะ
           ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
           น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
           น้ำมะขามเปียก 1 ช้อนโต๊ะ
           น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
           ก๋วยเตี๋ยวเส้นจันท์ หรือเส้นเล็ก ตามชอบ 100 กรัม
           น้ำซุปผัก 1 ถ้วยตวง
           เต้าหู้เหลืองหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก 100 กรัม
           ไชโป๊เค็มสับหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ
           ถั่วงอกดิบ (เด็ดรากออก) 1 ถ้วยตวง
           ถั่วลิสงคั่วบด 1 ช้อนโต๊ะ
           พริกป่น 1 ช้อนชา
           มะนาวผ่าซีก
           ผักเคียงตามชอบ เช่น หัวปลี ใบบัวบก ถั่วงอกดิบ

 วิธีทำผัดไทยมังสวิรัติ

           1. ใส่ผงปรุงรสเห็ดหอม ซีอิ๊วขาว น้ำตาลปี๊บ และน้ำมะขามเปียกลงในอ่างผสม คนให้เข้ากันจนน้ำตาลปี๊บละลาย

           2. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟอ่อน ใส่เส้นก๋วยเตี๋ยวลงผัด ค่อย ๆ ใส่น้ำซุปผักขณะผัดจนเส้นเริ่มนุ่ม

           3. ใส่เต้าหู้เหลืองลงผัด ตามด้วยส่วนผสมน้ำผัดไทย ผัดจนเข้ากัน ใส่ไชโป๊เค็มและถั่วงอกลงผัดพอสุก ตักขึ้นใส่จาน โรยถั่วลิสงคั่วบดและพริกป่น รับประทานคู่กับผักสดตามชอบ